Featured Posts

[ปกป้องรถยนต์][feat1]

ไฟหน้ารถไม่ติด!!! ทำไงหว้าา?? (Car headlights are not attached)

กรกฎาคม 30, 2562

ไฟหน้ารถไม่ติด

อาจเป็นเหตุที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา โดยเฉพาะตอนกลางคืน คงจะไม่สนุกแน่ๆครับ เนื่องจากคุณจะสูญเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทัศนวิสัยในการมองเห็น หรือ รถที่ใช้ถนนร่วมกันมองไม่เห็นคุณ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟหน้ารถไม่ติด สิ่งที่ควรทำต้อง หยุดใช้รถของคุณทันที แต่ถ้าในกรณี จำเป็น ก็ต้องประคับประคอง ไปให้ถึง แหล่งชุมชน หรือปั๊มน้ำมันให้ได้ 



วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าถ้าไฟหน้ารถยนต์ไม่ติด กลางถนน

1. ลองเปิดไฟสูง ถ้าติด ให้เปิดเป็นระยะ 
2. วิ่งช่องซ๊ายสุด ขับให้ช้า เปิดไฟฉุกเฉิน
3. ใช้โทรศัพท์เปิดไฟฉาย วางฉายไปด้านหน้า ถ้าในกรณีอยู่ในทางที่ไม่มีไฟ ช่วยได้เยอะครับ

เมื่อถึงปั๊มน้ำมัน หรือจุดที่สามารถจอดรถอย่างปลอดภัยแล้วให้ทำการตรวจเช็คดังนี้

1. ฟิวส์ในห้องเครื่องยนต์
2. รีเลย์หรือสวิตช์เสีย
3. ขั้วต่อสายไฟไม่แน่น
4. ฉนวนหุ้มสายไฟอาจถลอก แล้วทำให้เกิดอาการช็อตกับตัวถัง
5. หลอดไฟขาด


ถ้าในกรณีเจอว่าฟิวส์ขาดให้เอาฟิวส์ขนาดเดียวกันมาใส่ชั่วคราว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าใช้ลวดเด็ดขาดเพราะอาจทำให้ไฟไหม้รถยนต์ของคุณได้ครับ
ไฟหน้ารถไม่ติด!!! ทำไงหว้าา?? (Car headlights are not attached) ไฟหน้ารถไม่ติด!!! ทำไงหว้าา?? (Car headlights are not attached) Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 30, 2562 Rating: 5

น้ำยาหล่อเย็น จำเป็นไหม?? Do cars need coolant?

กรกฎาคม 17, 2562
น้ำยาหล่อเย็น จำเป็นไหม 
เป็นคำถามที่ได้ยินมานาน และได้ยินบ่อย เพราะคุณอาจจะได้ยินมาจาก คนเก่าคนแก่ว่าไม่ต้องหรอกเปลือง หรือ อาจจะบอกว่า เมื่อก่อนเขาก็ใส่แค่น้ำกัน แต่พอนำรถมาเข้าศูนย์บริการหรือตามอู่ซ่อมมาตรฐานต่างๆ ช่างแนะนำให้ใช้น้ำยาหล่อเย็น แต่บางคนก็ไม่บอกเหตุผล ว่าทำไมต้องใช้น้ำยาหล่อเย็น
บางคนคิดเลยเถิด ว่าโดนหลอกกินตังหรือป่าว โน้นนี่นั่น



น้ำยาหล่อเย็นคืออะไร 
น้ำยาหล่อเย็น คนไทยเรียก หลายชื่อ น้ำยาคูลแลนต์ (Coolant) น้ำยาหม้อน้ำ น้ำเขียว (เพราะสีของน้ำยาส่วนใหญ่เป็นสีเขียว)

คุณสมบัติของน้ำยาหล่อเย็นคือ 
1. ทำให้จุดเยือกแข็งของน้ำต่ำลง
2. ทำให้จุดเดือดของน้ำสูงขึ้น
3. ลดการเกิดฟองในระบบ
4. ช่วยป้องกันไม่ให้ชิ้นส่วนในระบบหล่อเย็นเกิดสนิมหรือเกิดการกัดกร่อน
5. ช่วยทำให้สังเกตุน้ำหล่อเย็นที่รั่วออกจากระบบได้ง่าย

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ระบบหล่อเย็นในรถยนต์สมบูรณ์ขึ้น และป้องกันความเสียหายได้พอสมควรเช่น

ลดการเกิดสนิม และการกัดกร่อน ก็จะทำให้ปั๊มน้ำ หม้อน้ำ ท่อทางเดินต่างๆ สะอาดและทำให้อายุการใช้งานนาน ลดปัญหาที่จะเกิดลง เพราะถ้าในระบบมีสนิม ก็จะทำให้หม้อน้ำตัน เร็วขึ้น ก็จะมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอนครับ 

หรือ สีของน้ำยาที่ออกแบบมาให้เห็นง่ายมาก ถ้าน้ำในระบบเราน้อย ก็จะทำให้คุณหาสาเหตุได้ง่ายและรวดเร็ว 

คุณสามารถดูได้ตามลิงค์นี้ครับ สาเหตุทำให้ความร้อนรถยนต์ขึ้น

จากประสบการณ์ ผมแนะนำให้ผู้ใช้รถใช้น้ำยาหล่อเย็นด้วย เพราะด้วยคุณสมบัติที่ดีและราคาของน้ำยาก็ไม่ได้มีราคาสูง แถมช่วยประหยัดในการเปลี่ยนอะไหล่ ในระบบหล่อเย็นรถยนต์ได้พอสมควรเลยนะครับ
น้ำยาหล่อเย็น จำเป็นไหม?? Do cars need coolant? น้ำยาหล่อเย็น จำเป็นไหม?? Do cars need coolant? Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 17, 2562 Rating: 5

9 สาเหตุทำให้ความร้อนขึ้น และวิธีแก้ไข (9 causes to heat up and the solution)

กรกฎาคม 11, 2562

ความร้อนขึ้นคืออะไร 


ความร้อนขึ้นเป็น ภาษาบ้านๆที่ผม เรียก เป็นภาษาที่รู้กันกับช่าง 

อาการของความร้อนขึ้นก็คือ อาการที่เกจวัดอุณหภูมิ บนหน้าปัท รถยนต์ ขึ้นผิดปกติ

ปกติแล้วเข็มที่เกจวัดอุณหภูมิจะต้อง ขึ้นมาอยู่ตรงกลาง ระหว่าง C กับ H หรือ ถ้าในรถยุโรป ก็จะเป็นแบบตัวเลข 40 - 100 



ไม่ว่าจะขับรถยนต์ไปที่ไหน สภาพอากาศเป็นอย่างไร เข็มจะต้องอยู่ตรงกลางเท่านั้น แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เข็มที่เกจวัดความร้อนเกิดชี้เกินไปกว่า กึ่งกลาง ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรือ ประมาณ 3/4 หรือ วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ของรถยนต์ของคุณ มีปัญหาแล้วครับ และยังเป็นที่มาของคำพูดว่า "ความร้อนขึ้น" อีกด้วย


สาเหตุที่ทำให้ความร้อนขึ้น

1. ระดับน้ำหล่อเย็นต่ำเกินไป ทำให้ปริมาณน้ำหล่อเย็นไม่เพียงพอที่จะระบายความร้อน แก้ใขโดยการเติมน้ำในหม้อน้ำให้เต็ม และเติมน้ำในถถังพักสำรองให้ได้ระดับ MAX พอดี 


ซึ่งปกติแล้วระดับน้ำหล่อเย็นในถังพักน้ำสำรองจะลดระดับเล็กน้อย คือในอาทิตย์ วิ่งทำงานปกติ ระดับน้ำไม่ควรลดระดับต่ำกว่า1 เซนติเมตร จากระดับ MAX ถ้าต่ำกว่านี้ในสันนิฐาน ว่าอาจจะเกินจากน้ำหล่อเย็นรั่วออกจากระบบ 

ให้ทำการตรวจเช็คเบื้องต้นดังนี้ (ถ้าน้ำหล่อเย็นใส่น้ำยาหล่อเย็นจะดีมากเพราะน้ำรั่วตรงไหนจะเห็นสีของน้ำยาหล่อเย็นได้ง่ายมากๆ)

1.1 ตรวจบริเวณหม้อน้ำ
1.2 ตรวจบริเวณท่อยางหม้อน้ำทั้งอันบนและอันล่าง ตรวจดูเข็มขัดรัดท่อให้ทั่ว
1.3 ตรวจบริเวณปลั๊ก หรือเซ็นเซอร์วัดความร้อนน้ำหล่อเย็น
1.4 ตรวจบริเวณบริเวณปั๊มน้ำ
1.5 ตรวจบริเวณฝาปิดหม้อน้ำ
1.6 ตรวจบริเวณท่อน้ำล้นและถังพักน้ำสำรอง


2. ท่อน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำอุดตัน ทำให้น้ำหล่อเย็นไหลหมุนเวียนไม่ทั่วถึง
การตรวจสอบท่อน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำ ค่อนข้างจะสังเกตุยากนิดหน่อย แต่ก็ทำได้ไม่ยากครับ

2.1 ให้ทำการเปิดฝาหม้อน้ำและ คลายปลั๊กถ่ายน้ำใต้หม้อน้ำออก ถ้าไม่มีน้ำไหลออกมาหรือไหลออกมาน้อย ก็แสดงว่าท่อน้ำในรังผึ้งน่าจะอุดตัน

2.2 ตรวจดูว่ามีสนิมในหม้อน้ำหรือไม่ โดยการเปิดฝาหม้อน้ำแล้ว ใช้นิ้วกวาดบริเวณคอหม้อน้ำ ดูว่ามีสิ่งสกปรกอะไรติดมาบ้างหรือไม่

2.3 สังเกตุสีของน้ำหล่อเย็น ว่ามีเศษฝุ่นผงสีน้ำตาลแดง ลอย หรือสีรังผึ้งออกสีน้ำตาลแดงหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าหม้อน้ำมีสนิมในระบบ ก็จะทำให้หม้อน้ำอุดตัดได้ครับ

3. ท่อยางหม้อน้ำเสื่อมสภาพ หรือ หมดอายุการใช้งาน
ตรวจสอบได้ง่ายๆ โดยการใช้มือบีบท่อยาง ท่อยางจะต้องไม่ยุบตัวเยอะจนเกินไป ไม่นิ่มเกินไป ไม่แข็งกระด้าง ไม่แตกลายงา ไม่บวม บีบแล้วต้องไม่มีเสียงเหมือนเราบีบพลาสติก ถ้ามีอาการดังกล่าว แค่ 1 อาการให้ทำการเปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำให้หมดทุกเส้น



4. มีสิ่งสกปรกต่างๆ ติดอยู่ที่คลีปของหม้อน้ำ
อาจมีฝุ่น โคลน แมลง ใบไม้มาติดอยู่ที่หน้าหม้อน้ำ ทำให้บังทางไหลของอากาศเย็น ให้ใช้น้ำฉีดทางด้านหลังหม้อน้ำ และใช้ลมดันตาม ก็จะทำให้สิ่งสกปรกต่างๆหลุดได้ง่ายๆแล้วครับ

5. เทอร์โมสตัดหรือวาล์วน้ำตาย ทำให้น้ำไม่ไหลเวียนในหม้อน้ำ ถ้าพบเจอก็ให้ทำการเปลี่ยน

6. สายพานขับปั๊มน้ำหล่อเย็น หย่อน หรือ หมดสภาพ ทำให้ส่งแรงขับมาหมุนได้ไม่ไดี
ทำการแก้ไขโดยการปรับตั้งหรือเปลี่ยนสายพานใหม่ 

7. พัดลมหน้าเครื่อง ไม่ทำงาน
พัดลมหน้าเครื่องมีทั้งแบบไฟฟ้า และแบบใช้คลัทพูลเลย์(แบบฟลูอิดคับปลิง) ซึ่งถ้าเรามองด้วยสายตา พัดลมอาจทำงาน แต่ในความจริง จำนวนรอบของพัดลม พัดลมอาจหมุนช้ากว่า มาตรฐานที่ต้องการทำให้ระบายความร้อนได้ไม่เต็มประสิทธิภาพได้

8. ฝาปิดหม้อน้ำเสีย 
ตรวจด้วยสายตาโดยดูยางและสปริงถ้าพบรอยความเสียหาย ให้ทำการเปลี่ยนทันทีโดยเลือกใช้ของแท้เพราะตัวฝาหม้อน้ำมีค่าสปริงที่ไม่เท่ากันของรถยนต์แต่ล่ะรุ่นครับ

9. ปั๊มน้ำชำรุด
ปั๊มน้ำเมื่อใช้ไปนานๆ จะเกินความผุกร่อน จากความร้อน ความดันและสิ่งต่างๆได้ เมื่อถึงเวลาควรทำการเปลี่ยนทันทีโดยอายุของปั๊มน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนโลครับ 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถ้าเปลี่ยน ซ่อมบำรุงตามระยะทาง ปัญหาของระบบความก็จะไม่เป็นปัญหาเลยล่ะครับ อีกอย่างราคาอะไหล่ ก็ไม่แพงด้วยนะ

9 สาเหตุทำให้ความร้อนขึ้น และวิธีแก้ไข (9 causes to heat up and the solution) 9 สาเหตุทำให้ความร้อนขึ้น และวิธีแก้ไข  (9 causes to heat up and the solution) Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 11, 2562 Rating: 5

ล้อรถหลุด!!! ....wheel falls off car!!!!

กรกฎาคม 09, 2562

ล้อรถหลุด!!! ....wheel falls off car!!!!


คงเป็นสิ่งสุดท้าย ที่ผู้ใช้รถอย่างผม หรืออย่างคุณจะนึกถึง เครื่องดับ น้ำมันหมด สตาร์ทไม่ติด แอร์ไม่เย็น ยังพอนึกออก แต่ ล้อหลุด มันเป็นยังไงบ้างหว้าา เป็นเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็เกิดขึ้นได้ครับ

สาเหตุที่ทำให้ล้อรถหลุด

1.ขันนอตล้อไม่แน่น เนื่องจากนอตล้อมีหลายตัว ถ้าพบเจอช่างที่มีความประมาทเขาอาจจะลืมขันให้เราได้ครับ
2. รูของล้อหรือกระทะเสียหาย หลวม หรือมีความบิดเบี้ยวเกิดขึ้นทำให้เมื่อขันนอตเข้าไปแล้วไม่แน่นตามมาตรฐาน หรือ ไม่สนิทได้ ตรงนี้เกิดจาก การถอดล้อที่ผิดวิธีโดยอาจจะใช้การยืนขย่ม 
3. ใส่นอตล้อกลับด้าน เนื่องจากนอตมีมีสองด้าน ด้านที่เป็นด้านเรียบๆ กับด้านที่เป็นเทเปอร์ อาจจะมีการเข้าใจผิดใส่สลับกันได้
4. มีการใช้จาระบีหรือน้ำมันหล่อลื่อทาที่บริเวณเกลียวนอต เยอะเกินไป 
5. ไม่ใช้ประแจวัดแรงบิด ขันนอตล้อให้ได้ค่าตามที่กำหนด ทำให้อาจจะขันแน่นไป หรือ ขันหลวมไป ก็ทำให้มีปัญหาทั้งสิ้นครับ


ระวังขับรถแล้วเจออาการแบบนี้ให้รีบจอดข้างทางทันที!!!

1.พวงมาลัยสั่นผิดปกติ หรือรู้สึกว่าท้ายรถสั่นผิดปกติ
2. เบรก แล้วรถมีอาการสั่นผิดปกติ
3. เมื่อออกตัวรถมีอาการสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
4.มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลา
5. รถเสียอาการ อาจมีอาการดึงซ๊าย หรือขวารุนแรง

ขับรถปลอดภัย ปัญหาไม่มีทุกท่านนะครับ ^ ^
ล้อรถหลุด!!! ....wheel falls off car!!!! ล้อรถหลุด!!! ....wheel falls off car!!!! Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 09, 2562 Rating: 5

สตาร์ทแล้วเครื่องยนต์ไม่หมุน????

กรกฎาคม 03, 2562

สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเครื่องยนต์ไม่หมุน




อาการนี้คงไม่มีผู้ขับขี่ท่านไหนปรารถนาแน่ๆครับ แต่เชื่อไหมไม่ว่ารถยนต์ใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์ที่ใช้งานมานานแล้ว มีโอกาส พบเจอ อาการนี้ครับ

สาเหตุอาการสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่หมุน

1. แบตเตอรี่อาจจะไฟหมด

- วิเคราะห์อาการโดย เมื่อทำสตาร์ทแล้ว เครื่องยนต์มีอาการสตาร์ทอืด คล้ายเครื่องยนต์หมุนช้า หรือมีแค่เสียงแก๊ก แก๊ก ที่หน้าเครื่องยนต์ สันนิษฐานว่า แบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งพลังงานน่าจะหมด หรือเหลือไฟน้อยกว่าปกติ ทดสอบโดยเปิดสวิตช์กุญแจ สังเกตไฟหน้าปัดว่า ขึ้นลักษณะเดิมหรือไม่ ปีบแตร ลองเปิดไฟหน้ารถดูว่า ติด หรือ สว่างน้อยลงหรือไม่ ถ้า เครื่องหมุนช้า หรือไม่หมุน ไฟหน้าปัดหรี่ แตรไม่ดังหรือดังแปลกๆ ไฟหน้าแทบไม่ติด เป็นอาการเบื้องต้นของแบตเตอรี่ไม่มีไฟ เบื้องต้น ลองทำตามบทความนี้ครับ   




2. ขั้วแบตเตอรี่อาจจะหลวม

- ตรวจสายขั้วต่อแบตเตอรี่ โดยลองเอามือหมุนๆขยับๆที่ขั้วแบตเตอรี่ หรือถ้ามี ไขควงปากแบบ ให้สอดเข้าระหว่างขั้วแบตเตอรี่ ตรงรอยบาก แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู ถ้าเครื่องยนต์หมุน ปกติ ให้ถอดทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และขั้วสายไฟแบตเตอรี่ ด้วยกระดาษทรายละเอียด แล้วขันให้แน่น 


ข้อต้องระวัง 
1. ในขณะทดสองโดยการสอดไขควงเข้าขั้วบวก(สีแดง) ระวังอย่าให้โดยตัวถังรถเด็ดขาด(ตัวถังรถยนต์คือขั้วลบ(สีดำ)) เป็นการปกป้องการช็อตครับ
2. ในขั้นตอน ถอดขั้วแบตเตอรีออกมาทำความสะอาด ปิดสวิชกุญแจให้สุด ต้องถอดขั้วลบ(สีดำ)ก่อน และขั้นตอนการประกอบ ต้องใส่ขั้วบวก(สีแดง) ก่อนขั้วลบ(สีดำ) เสมอ ครับ

3. มอเตอร์สตาร์ท มีปัญหา

-อาการหนึ่งที่พบเจอเสมอคือ แปรงถ่านที่มอเตอร์สตาร์ทไหม้ หรือ หมด อาจเกิดจากการชอบสตาร์ทรถยนต์ผิดวิธี หรือตามอายุก็แล้วแต่ วิธีแก้ไขเบื้องต้น คือให้ลองมองหามอเตอร์สตาร์ท แล้วหาไม้ เคาะที่ตัวมอเตอร์สตาร์ท แรงพอประมาณ ให้แปรงถ่านขยับ ก็มีโอกาสจะสตาร์ทเครื่องยนต์ติด แล้วไปทำการแก้ไข้ต่อไปได้ครับ



ทั้งหมดนี้เป็นวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ให้พอเคลื่อนรถกลับ หรือออกจากพื้นที่ได้นะครับ 


สตาร์ทแล้วเครื่องยนต์ไม่หมุน???? สตาร์ทแล้วเครื่องยนต์ไม่หมุน???? Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 03, 2562 Rating: 5

8 กฎเหล็กเมื่อทำงานกับแบตเตอรี่ <----> Battery EP.2

กรกฎาคม 02, 2562

8 กฏเหล็กเมื่อทำงานกับแบตเตอรี่


แบตเตอรี่ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในรถยนต์ หรือเครื่องยนต์ต่างๆ เพราะ หน้าที่สำคัญของแบตเตอรี่คือ เก็บสำรองไฟฟ้าและจ่ายไฟฟ้า หน้าตาอาจไม่มีพิษ ไม่มีภัย แต่อันตรายมหัต 


ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ต้องทำตามนี้


1. อย่าหิ้วแบตเตอรี่เกินกว่า 1 ลูกในเวลาเดียวกัน
2. อย่าคว่ำแบตเตอรี่ โดยไม่มีเหตุผล
3. การหิ้วแบตเตอรี่ ควรใช้เชือกหรือสลิงจับที่ขั้วแบตเตอรี่
4. อย่านำเปลวไฟเข้าใกล้แบตเตอรี่ ขณะทำการชาร์ทไฟแบตเตอรี่
5. การชาร์ทไฟควรชาร์ทในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
6. อย่าเขี่ยขั้วบวกและขั้วลบให้เกิดอาร์ตเล่นเพื่อตรวจดูว่าแบตเตอรี่มีไฟหรือไม่
7. อย่าชาร์ทไฟแบตเตอรี่เกินกว่าอัตราความจุแบตเตอรี่ลูกนั้นๆ
8. นำโซดาไฟไว้ใกล้มือ เพื่อทำให้กรดเป็นกลาง


กฎง่ายๆแต่สำคัญนะครับ แบตเตอรี่ภายในจะบรรจุน้ำกรด มีสารเคมีต่างๆ และสามารถทำให้เกิดประกายไฟ และ สามารถระเบิดได้ เพราะฉะนั้น กันไว้ดีกว่าแก้นะครับ
8 กฎเหล็กเมื่อทำงานกับแบตเตอรี่ <----> Battery EP.2 8 กฎเหล็กเมื่อทำงานกับแบตเตอรี่ <----> Battery EP.2 Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 02, 2562 Rating: 5

5 วิธี คุมสถานการณ์และ คุมอารมณ์ ถ้าประสบอุบัติเหตุ

กรกฎาคม 01, 2562

ทำไมต้องควบคุมอารมณ์ ถ้าประสบอุบัติเหตุ


เมื่อเกิดเหตุขึ้น ถ้าสติแตก ความคิด คำพูด การกระทำที่อาจจะผิดพลาด อาจจะทำให้เรื่องมันแย่ลงได้ครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถควบคุมอารมณ์ ประเมินสถานการณ์ต่างๆ ได้ก็จะทำให้ ทุกอย่างเห็นทางแก้ไข้ได้อย่างแน่นอน

เนื่องจากเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ประสบเข้ากับตัวเอง ประสบอุบัติเหตุบนถนน 

เหตุการณ์ก็คือ วันนั้นรถติด เคลื่อนที่ได้น้อยมาก ในขณะนั้นรถของผม จอดสนิท ต่อท้าย รถพ่วง อยู่เลนซ้ายสุด แล้ว จุ่ๆก็มีความสั่น สะเทือนเกิดขึ้น 



เมื่อมองกระจก พบ รถคู่กรณี ตัดเลนจากเลนทางขวาสุด เพื่อพยายามจะเข้ามาวิ่งไหล่ทาง มีลักษณะ ขับ ขวางถนน เปรียบเสมือนจระเข้ขวางคลอง กันเลยทีเดียว 

ทีนี้ เมื่อมาถึงเลนผม ก็คงจะหักพวกมาลัยขวาสุด เพื่อพยายามจะลงไหล่ทาง แล้วตัวรถเลยมากระแทก เข้ากับมุมกันชนด้านหลังซ้าย ของรถผม และกำลังพยายามถอย เพื่อ จะออกจากที่เกิดเหตุ (ดูจากคำพูดและพฤติกรรมถ้ารถไม่ติดเธอ หนีแน่ๆ พอดีมีคนเดินไปขวางซะก่อน) 

หลังจากตรวจสอบ รถของตัวเอง พบแค่รอยเล็กน้อย ไม่น่าจะคุ้มกับเวลา และอารมณ์ที่จะต้องสูญเสียไปกับการต่อรอง ผมจึงไม่เอาเรื่องเอาความ (รถคู่กรณี ไฟแตก มีรอยยุบที่แก้มขวา ไม่แน่ใจว่ารอยเก่าหรือใหม่ ) จึงต่างฝ่าย ต่างขึ้นรถ ไปตามทาง 



เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น

แต่ที่ผมรู้สึกคือ ความกลัว และความกังวล ของผู้ติดตามในรถผม เป็นคนสูงอายุ 2 คน และแฟนผม ยังติดตามมาด้วย เนื่องจากหลังจากเกิดอุบัติเหตุ มีการหันมอง รอบรถตลอดทางเลย แถมมือไม้สั่นกันเป็นแถว 

ด้วยตัวผมเอง คิดว่าเรื่องเล็กน้อยมาก จึงไม่คิดอะไรกับเหตุการณ์นี้ แต่คนอื่น อาจจะเอามาใส่ใจ และกังวล เลยเข้าใจว่า 

คนอื่นที่อาจจะขับรถเอง อาจเป็นผู้หญิง คนสูงอายุ หรือคนที่ตกใจง่าย เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ อาจะมีปัญหา ในการต่อรอง หรือขับรถต่อไปได้ ก็เลยเอาวิธีคุมสถานการณ์และคุมควบอารมณ์มาฝากกันครับ

 5 วิธี คุมสถานการณ์และ คุมอารมณ์ ถ้าประสบอุบัติเหตุ

1. เวลาขับรถ มองกระจกหลังบ่อยๆ 

การมองกระจกหลังบ่อยๆ จะทำให้สมองจำข้อมูล ทั้งหมดไว้ เวลา กำลังจะเกิดอุบัติเหตุ  จะได้ตัดสินใจได้รวดเร็วกว่าครับ  

หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้ว จะได้ประเมินสถาการณ์เบื้องต้นได้

2. เตรียมโทรศัพท์ ให้พร้อมถ่ายภาพ หรือถ่ายคลิป 

เมื่อเกิดไปแล้วเราต้องรีบบันทึกสิ่งที่เป็นอยู่ให้รวดเร็วที่สุด อย่าเพิ่งไปคุยกับคู่กรณีนะครับ เก็บหลักฐานไปส่วนหนึ่งก่อน และก็จะทำให้เราได้มีเวลาคิดและวิเคราะห์ ในเหตุการณ์นั้นๆด้วยครับ


3. ประเมินสถานการณ์ที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์นั้น หนัก เบา แค่ไหน มีคนเจ็บไหม ตัวรถของเราเสียหายมากขนาดไหน ถ้ารถเรามีประกันชั้น 1 ก็เรียกมาได้เลยครับ ไม่ต้องรอให้คู่กรณีเรียก



4. ประกันชั้น 1 ถ้าจ่ายไหว ต้องมีติดรถ 

ในกรณีที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุแล้ว ถ้ามีประกัน ให้ประกันคุย เราแค่ตอบคำถามจำเป็นก็พอครับ 

ในกรณีไม่มีประกัน ถ้ามั่นใจว่าเราถูก ก็เล่าตามเหตุการณ์ หลายครั้งตำรวจจะปัดเรื่องให้เป็น ประมาทร่วม ถ้าเราถูกจริง อย่ายอมนะครับ ถ้ายอม ถึงแม้ว่าคู่กรณีมีประกันชั้น 1 เขาก็จะไม่ซ่อมรถเราด้วยนะ ก็จะกลายเป็นซ่อมใครซ่อมมันจร้า


5. อย่าไปคุยกับคู่กรณีเยอะ 

เชื่อเถอะ คุยแค่จำเป็น จะทำให้หลายๆเรื่องง่ายกว่า และอย่าลืมขอ รายละเอียดสำหรับติดต่อมาให้ครบถ้วนนะครับ เบอร์โทร line Facebook ที่อยู่บ้าน ที่อยู่ทำงาน เบอร์โทรที่ทำงาน เบอร์โทรหัวหน้างาน เพื่อความสบายใจครับ และ ลดโอกาสหนี ได้สูงครับผม

อ่าว คุณจะบอกว่านี่มันวิธีปฏิบัติตัวเมื่อโดนรถชนนี่หว่า ไหนวิธีคุมอารมณ์ นี่ล่ะครับวิธีคุมอารมณ์
ในกรณีที่คุณเป็นคนขับเอง พอคุณพร้อมรับมือ สิ่งที่จะเข้ามาหาคุณ คุณก็จะคุมอารมณ์ได้ จริงไหมครับ

ส่วนวิธีทำให้ผู้ติดตามมาด้วยกันสบายใจ ถ้ารถของคุณไม่เสียหาย เดินทางได้ปรกติ และคุณควร ใช้ความเร็วต่ำกว่าเดิม และเว้นระยะเบรกให้มากกว่าเดิมอีกหน่อย รีบหาทางเรียกขวัญ หาวัดเข้าไปไหว้พระซักวัด ทำบุญหยอดตู้ซะหน่อย  ผู้ติดตามจะได้สบายใจแน่นอนครับ (ผมพาเข้าไหว้พระปฐมเจดีย์เลย)

แต่ถ้ารถเสียหาย เดินทางไม่ได้ แต่ไม่มีคนเจ็บ ควรกลับบ้าน พักผ่อน พูดคุยกัน อย่าโยนความผิดให้กัน เช้าอีกวัน ไปไหว้พระ ขอพร ช่วยได้เยอะครับ คดีความเป็นยังไง เราก็ไปช่วยกัน แก้ไข้ไปทีล่ะข้อ เราก็จะผ่านไปได้ด้วยดีจร้าา


5 วิธี คุมสถานการณ์และ คุมอารมณ์ ถ้าประสบอุบัติเหตุ  5 วิธี คุมสถานการณ์และ คุมอารมณ์ ถ้าประสบอุบัติเหตุ Reviewed by อ.ไอ๊ซ on กรกฎาคม 01, 2562 Rating: 5
ขับเคลื่อนโดย Blogger.